23 พฤศจิกายน 2551

หลุมหลบภัย



ได้ดูหนังหลายเรื่องที่มีฉาก ฐานทัพลับ หรือที่สถานที่พิเศษของตัวละคร อย่างใน Twenty Century Boy หรือ Into the Faraway Sky ก็ทำให้นึกถึงตัวเองในวัยเด็ก และ ตัวเองในวัยนี้ ที่ยังคงต้องการ ฐานทัพลับ แต่โดยส่วนตัวเราขอเรียกมันว่า หลุมหลบภัย
หลุมหลบภัย... เป็นจินตนาการตั้งแต่วัยเด็ก ตอนเด็กๆ เราเคยคิดว่าอยากมีที่สักที่นึง เป็นที่ลับๆของเรา ตอนเด็กก็มักจะจินตนาการเรื่อยเปื่อย ว่ามันจะต้องเป็นทางลับๆที่เหมือนเส้นผมบังตา มุดไปใต้ดิน ไปโผล่ที่ที่เป็นทุ่งหญ้า หรือว่าเป็นบ้านบนต้นไม้ที่ไหนสักแห่ง ในนั้นจะมีของที่เราชอบๆอยู่ที่นั่น เวลาไม่สบายใจ ทะเลาะกับใคร ก็สามารถวิ่งมาหลบอยู่ที่นี่คนเดียวได้ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครหาเจอ อาจจะยอมให้เพื่อนสักสองสามคนที่รู้ และมาเล่นกันได้บ้าง ตอนที่คิดฝันเรื่องนี้เป็นตอนที่เรายังเด็กมากเลย แต่่ก็ไม่รู้ทำไมถึงยังจำมันได้ชัดเจนนัก
พอโตขึ้นมา ก็เกือบจะลืมๆเรื่องเหล่านี้ไปแล้วเหมือนกัน แต่ในช่วงเวลาที่เจ็บปวด และต้องอดทน หลายครั้งเราก็มักคิดย้อนกลับไปถึง หลุมหลบภัยในอดีต อาจจะต่างกันตรงที่ ตอนนี้ เราต้องการหลุมหลบภัยทางใจ... คงไม่ต้องเป็นที่แปลกประหลาดพิศดารเหมือนที่เคยคิดไว้ ขอแค่ที่ที่ี่เราสามารถหลบไปอยู่เงียบๆ อยู่แล้วสบายใจ มีคนที่เข้าใจ เท่านั้นก็พอ
กำลังแสวงหา หลุมหลบภัยอยู่ ใครรู้ก็ช่วยแนะนำด้วย...

12 พฤศจิกายน 2551

หอมกลิ่นลมหนาว

Winter comes...
The moon is so shinny,
bright like someone eyes.
The sky is so clear,
deep and dark without the star.
I can smell the sweet of the wind,
the unique sense once in a year.
I breath in as much as I can
Such a wonderful night.
Shall we take a walk?

คืนที่ฟ้าไร้ดาว เราไปเดินเล่นกันไหม?

7 พฤศจิกายน 2551

สิ่งที่เคลื่อนไหว

บนถนนที่หนาแน่นไปด้วยผู้คน
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านฝูงชนขวักไขว่ไปอย่างเงียบๆ
ลงบันไดเลื่อนสู่อุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน
บันไดค่อยๆเลื่อนอย่างเชื่องช้าดิ่งลงสู่เบื้องล่าง
ได้ยินเสียงฝีเท้าตัวเองกระทบพื้นเป็นจังหวะ
เสียงดังสลับปะปนกับเสียงเครื่องปรับอากาศ
เหมือนจะเงียบ แต่ไม่เงียบ
ประตูบานเลื่อนปิดลง
หญิงสาวมองเงาตัวเองในกระจกฝั่งตรงข้าม
ภาพสีดำเคลื่อนผ่านบานกระจกครั้งแล้วครั้งเล่า
สถานีเแล้ว สถานีเล่า
ยาวนาน ราวกับ รถไฟขบวนนี้ จะไม่มีวันสิ้นสุด
ขบวนรถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
การพุ่งทะยานของมันได้กระชากเอาอะไรบางอย่างของเธอไป
มันปลิดปลิว ล่องลอย ซวนเซ หาทางกลับมาไม่ได้
เหลือทิ้งไว้เพียงร่างที่ไร้การเคลื่อนไหว
มีเพียงสิ่งเดียวที่กำลังเคลื่อนที่
มันคือหยดน้ำเล็กๆ ที่ไหลออกมาจากขอบตา

6 พฤศจิกายน 2551

Trying to look good limits my life.

Trying to look good limits my life,
Trying to be good limits my life as well
บางทีเราก็ไม่รู้ตัวว่า นี่เรื่องนี้เราดีจริงๆ หรือเราแค่พยายามเป็นคนดี
สิ่งที่ถูกหลอมรวมเป็นความเคยชิน ทำให้สับสน ไม่แน่ใจ
ว่าสิ่งที่ทำอยู่ออกมาจากข้างใน หรือกรอบทางสังคมรอบตัว สั่งให้ทำ...


*ไปพบประโยค "Trying to look good limits my life" จากหนังสือ "Design Culture" โดยประโยคนี้เป็นผลงานในชุด "20 Things I have learned in my life so far" ของ สเตฟาน แซกมายสเตอร์ กราฟิกดีไซเนอร์ชื่อดัง*

เมื่อได้อ่านประโยคนี้แล้วก็รู้สึกอะไรก็ไม่รู้อย่างแรง
และเกิดสงสัยขึ้นมา Is good really good?





1 พฤศจิกายน 2551

Decision Making

"ก็อย่างนี้แหละ ชีวิตมีเรื่องเข้ามาให้เราตัดสินใจอยู่ตลอดเวลา" เพื่อนของเราคนหนึ่งกล่าวไว้ เมื่อได้ยินเราบ่นๆๆๆๆ ว่า ไม่ชอบเลย เวลาต้องตัดสินใจว่า จะไปหรือไม่ไป และจะเลือกไปอันไหน ในสถานการณ์ที่มีเรื่องจำเป็นต้องทำต้องไป ทั้ง2อย่าง เกิดขึ้นพร้อมๆกัน ที่จริงโดยปกติ เราก็จะใช้ความรู้สึก ตัดสินได้ไม่ยาก ถ้าไม่อยากไป ก็ไม่ไป แต่บางครั้ง มันก็มีเรื่องความรู้สึกผิด ความรู้สึกไม่สบายใจ กังวลต่างๆนานา หากจะต้องปฏิเสธ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก เลือกทางทีี่คิดว่าน่าจะดีที่สุด

คุณชอบให้ชีวิตมีทางให้เลือกมากมาย หรือ อยากให้มีแค่ทางเลือกเดียวให้คุณเลือก ??
ทางเดียวก็อาจจะดูง่ายดี ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องตัดสินใจอะไรมากมาย แต่ทว่า ดีจริงหรือ?
หลายทางเลือก ก็ย่อมมาพร้อมกับความว้าวุ่นกังวลใจ คิดคำณวนวุ่นวาย ว่าสิ่งไหนดีที่สุด และถ้าพลาดสิ่งนี้ แล้วจะยังได้สิ่งนั้นไหม แล้วมันจะดีไหม แต่ก็ดีที่มีทางให้เลือก ใช่ไหม?

สำหรับเรา เราคิดว่า การได้เลือกอะไรด้วยตนเอง ตัดสินใจอะไรด้วยตนเอง เป็นการค่อยๆขัดเกลา ฝึกฝน ให้เราแข็งแรงขึ้น หากเมื่อเวลาผ่านไป แล้วพบว่าสิ่งที่เราเลือกมันมาถูกทางแล้ว มันจะยิ่งทำให้เรา มีความสุข และภาคภูมิใจ หรือหากในทางกลับกัน พบว่าที่ผ่านมานั้นเลือกผิด เมื่อเลือกมันด้วยตัวเอง ก็ต้องรับผลของมันด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปโทษใคร และอย่างน้อยก็ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นอีกอย่างว่า ทางนี้มันไม่ใช่ และวันหลังก็จะได้ไม่ต้องเลือกมันอีก เราไม่เชื่อว่าจะไม่ได้อะไร หรือ ไร้ประโยชน์ กับเรื่องราวทุกๆเรื่องราวที่เกิดขึ้น (อย่างปกติ และไม่ปกติ) ในชีวิตของเรา

อาจจะลำบากหน่อย กังวลบ้าง แต่เราก็ยังคงอยากที่จะมีทางเลือกอยู่ดีนั่นแหละ เพราะฉะนั้น ก็จงเตรียมพร้อมไว้ ที่จะต้องเลือกๆๆๆๆ ตัดสินใจๆๆๆๆๆ กับอะไรมากมายที่รอเราอยู่ภายหน้า

และต้อง ขอโทษด้วยนะค้า สำหรับสิ่งที่ไม่ได้เลือก ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ (บางอย่างก็อาจไม่ค่อยดีเท่าไหร่!!) แต่มันอาจยังไม่ใช่สิ่งที่พอดีในเวลานั้น...