29 เมษายน 2552

ความทรงจำใกล้หมดอายุ

บางเรื่องราวที่เราเคยตั้งใจไว้ว่า เป็นสิ่งพิเศษ และจะไม่มีวันลืมสิ่งนั้น
แต่วันนี้ กลับมานั่งนึกถึงมัน แต่กลับเลือนลางเต็มที หรือนี่คือ "ความทรงจำหมดอายุ"

จำได้ว่า เคยเขียน บันทึก บางสิ่งบางอย่าง เพื่อรอที่จะมอบให้กับคนคนหนึ่ง
วันนี้ กลับนึกไม่ออกจริงๆ ว่า สมุดเล่มนั้น มีอยู่จริงหรือเปล่า
หรือเปลวแดดไอร้อน ทำให้ฝันกลางวันถึงเรื่องราวเก่าๆ
บางวาบ ก็รู้สึกว่า สมุดเล่มนั้น มีอยู่จริง และเราได้มอบมันให้กับเขาไปแล้ว
แต่บางวาบ ก็รู้สึก เหมือนสมุดเล่มนั้นยังอยู่กับเรา หลบอยู่ในซอกกล่องใบใดใบหนึ่ง
มันมาเป็นห้วงๆ เหมือนคนความจำเสื่อมในละคร
จนตอนนี้ ยังนึกไม่ออกเลย ว่า สมุดเล่มนั้น เป็นเพียงนิยายในอากาศ หรือ เป็นความทรงจำลึกซึ้งที่เคยเกิดขึ้นจริง เมื่อหลายปีก่อน...

ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆว่าจะไม่มีวันลืม แต่ตอนนี้กลับกำลังจะหลงลืม
ที่น่าตกใจคือ มันมาเร็วกว่าที่เราคิดมากนัก

26 เมษายน 2552

Messege in the air

บางความรู้สึก ได้เกิดขึ้น
อยากบอก แต่ไม่จำเป็นต้องบอก
แต่ก็ยังอยากบอก
เลยบอก กับเธอไกลๆ
ให้ข้อความล่องลอยไป ในอากาศ

รู้สึกกับเธออย่างนี้
รู้สึกสบายดี สบายใจ
แต่ไม่เคยบอกใคร
แค่มัน ดี ดี ดี

ความรู้สึกดี
วันนี้มี วันหน้าอาจจะหมด
แต่ วันนึง มันเคยเกิดขึ้น
เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้

ขอบคุณความใจดี
น้ำใจดีดี ที่มีให้กัน
น่าแปลกไหม ที่เวลาสั้นๆ
กลับทำให้รู้สึกอะไรมากมาย

สำหรับเธอ
เราเป็นเพื่อนกันแล้วหรือยัง
ไม่ใช่แค่คนรู้จักกันใช่ไหม

ไม่รู้จะำได้พบเธออีกเมื่อไหร่
อยู่ห่างกันตั้งไกล
ได้แต่เก็บน้ำใจเธอกลับมา

ยิ้มซื่อๆใสๆ ให้กันหน่อย
หากพบกันในคราวหน้า
บอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา
หวังว่าสักวันคงพบกัน


dedicate to an anonymous friend from a far away town.

"ความรู้สึกดี ไม่ได้หมายถึงเรื่องความรักเสมอไป"

ปล. มันพอจะเป็นเพลงได้ไหมเนี่ย???

25 เมษายน 2552

โชคดีเสียจริง การเดินทางครั้งนี้

เมื่อเราเดินทาง ไม่ใช่ตัวเราแค่เปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง
แต่เรากำลังพาตัวตนและความคิด ออกไปพบเจอสิ่งใหม่ๆ
ในการเดินทางครั้งล่าสุด ทำให้เราได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนทั้งกับตัวเอง และผุ้คนรอบข้าง
ซึ่งเราได้เรียนรู้อะไรบางอย่างไปโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็ลองมานั่งนึกทบทวน ก็อดยิ้มไม่ได้กับบรรยากาศดีดีที่เพิ่งได้พบเจอมา
น้ำใจที่ใสแจ๋ว ของพี่ๆที่เราได้รู้จัก หรือแม้กระทั่งน้ำใจคนที่เราไม่รู้จัก
เรื่องราวของคนที่เราต้องเข้าไปพูดคุยด้วย ที่เป็นการเปิดโลก ให้เราเห็นว่า คนอื่นๆบนโลกนี้เค้าทำอะไรกันอยู่
บรรยากาศบ้านเมืองที่สงบเงียบไม่วุ่นวาย ปล่อยให้เวลาทอดเอื่อย
นอกจากเป็นการทำงานแล้ว ก็ยังเป็นการสำรวจตนเอง ว่าเวลาต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ใสถานการณ์ต่างๆ ที่แปลกออกไปจากวันปกติ ตัวเองเป็นอย่างไร จัดการอย่างไร
ได้พูดคุยกับพี่ ผู้ที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิต ที่มีบางอย่างคล้ายกัน ปัญหาขมๆ ที่เราต่างต้องเจอ พูดคุยเรื่องชีวิต อนาคต ความรัก ความคิด ความใฝฝัน
แม้หลายเรื่องในชีวิตเราจะไม่ได้โชคดี แต่การเดินทางครั้งนี้ นั้นก็โชคดีเสียจริง ที่ได้พบกับเรื่องราวดีๆ ผู้คนดีๆ
ทำให้อย่างน้อยมีแรง มีกำลังใจ ทำสิ่งที่เราต้องทำ อยากทำ ต่อไป

15 เมษายน 2552

ใครกันที่ผิด

เรื่องนี้ไม่รู้จะโทษใคร ชะตากรรม ฟ้า ดิน หรือว่าใคร
ไม่เข้าใจเลย และทำใจให้เข้าใจไม่ได้จริงๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยอคติ บนความพยายามที่จะบอกว่าไม่ได้มีอคติ
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่จริง จัดวาง ให้มันเป็นในแบบที่คิดว่าควรจะเป็น
แต่ ควรจะเป็น คำนี้มันของใคร เพื่อใคร เพื่ออะไร
เราใช้ความอดทน อดกลั้น ต่อสิ่งต่างๆที่ไม่เคยได้พูดออกไป
เกลียด เสียงหัวเราะที่ไม่ใช่เสียงหัวเราะ
มันเสแสร้ง ประดิษฐ์ประดอยเกินกว่าจะออกมาจากความจริงใจ
ทำให้มันกลายเป็นแค่การแสยะแยกเขี้ยวให้เสียงสูงเสียดแทงออกมาจากปากเท่านั้น
ความสุข จึงไม่เคยเกิด ทั้งผู้คาดหวังและผู้ถูกคาดหวัง
เกลียดการถูกปฏิบัติที่เต็มไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด คำพูดที่ไม่ผ่านการยั้งคิด
ราวกับไม่ใช่การสนทนาของมนุษย์ที่มีความเท่าเทียมกัน
และไม่สามารถโต้แย้งความเห็นต่างออกไปได้
เนื่องจากกรอบทางสังคมบางอย่างมั้นค้ำคอ บุญคุณ มันกัดกินจนน้ำท่วมปาก
กรอบทางสังคมมันบีบรัด เกินกว่าจะพูดอะไรออกไปได้
จะทำอย่างไร เมื่อพูด ก็รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางเข้าใจ และไม่มีทางถูกในสายตา
จะทำอย่างไร เมื่อไม่พูด ก็อัดอั้น และราวกับเรื่องเหล่านั้นไม่มีอยู่ในโลก
พูดตรงๆ ก็ไม่เคยเป็นการพูดตรงๆอย่างแท้จริง
คนเรามักไม่เคยมองตัวเองผิด แม้กระทั่งตัวเราเองในยามนี้
ความไม่พอใจ ความโกรธ มันบดบัง ยากเกินกว่าจะยอมรับ
คนเรา ไม่ใช่ว่า จะทำอย่างไรก็ได้กับเขา ด้วยสาเหตุที่ว่า ก็ฉันเป็นคนแบบนี้
เกลียดคำนี้เป็นที่สุด "ก็ฉันเป็นคนแบบนี้"
มันเรียกร้องจากคนอื่นมากไปไหม
ในเมื่อคุณไม่ได้แลกมันมากับการพยายามทำความเข้าใจคนอื่นเลย
ไม่ใช่เหตุผล และเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นเป็นอย่างยิ่ง
คนเราก็ควรจะแสดงความรู้สึก หรือความจริงใจออกมาต่อเมื่อเรารู้สึกไม่ใช่หรือ
ไม่ใช่ฝืนทำ แกล้งทำ เพื่อให้เกิดสันติปลอมๆ
หากมันไม่ได้ออกมาจากความจริงใจ มันจะเกิดความสุขสันติในใจได้อย่างไร
คนที่บอกว่าได้ปล่อยวางแล้ว กลับกำลังหอบถือ อยู่อย่างรกรุงรัง ไม่รู้ตัว
แล้วจะใครเชื่อ ใครฟังได้อย่างไร ในเมื่อคุณเองก็ไม่เห็นจะทำในสิ่งที่สั่งสอน
แรงกดดันใต้พื้นผิวน้ำนั้นรุนแรงนัก และเมื่อเธอไม่เคยระแวดระวัง
มันอาจส่งผลรุนแรงเกินกว่าจะคาดคิด ฉันไม่รับประกัน
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า สำหรับใครบางคน
การักษา หน้าตา ให้ดูรักกัน กลมเกลียวกัน
กับการที่ต้องอยู่อย่างทนทุกข์ ด้วยปัญหาคาราคาซังที่เรื้อรัง
คุ้มกันไหม บางคนอาจจะพยายามรักษามันไว้อย่างยิ่งยวด
แต่เรา ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
หากมันยังเต็มไปด้วยอคติ และความไม่คำนึงถึงจิตใจกันและกันแบบนี้

10 เมษายน 2552

ความลับของถ้วยชา

ถ้วยชาเก่าแก่ใบหนึ่ง มันถูกเก็บอยู่ในตู้เก็บของมาเป็นเวลายาวนาน นานจนผู้เป็นเจ้าของไม่มีโอกาสได้ใช้มันกินชาอุ่น จนวันหนึ่งมันได้ตกทอดมาอยู่ในมือของรุ่นลูก ที่รื้อตู้เก็บของเก่าๆ เมื่อพบถ้วยชาใบนี้ ก็เห็นว่า ถ้วยชาใบนี้สวยดีจริงๆ จึงหวังใจจะเอามาใช้เป็นถ้วยใส่น้ำชา มันเป็นถ้วยกระเบื้องสีขาว คาดลายแผงสีเขียวเข้มที่เต็มไปด้วยอักษรภาษาญี่ปุ่นที่อ่านไม่ออก แลดูเก่าแก่ น่าเกรงขาม

แต่แล้ว เมื่อถ้วยชาโดนน้ำร้อน ความลับก็ปรากฎ...

ตัวอักษรลายตา พร่าเลือนไป ถูกแทนที่ด้วยรูปกายของหญิงสาวที่ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์

เมื่อเห็นดังนั้น คนถือก็ตกใจ งงงวยไปเสี้ยวนาที กับความลับที่คลี่คลาย
เป็นความจงใจใส่อารมณ์ขันของเจ้าของถ้วยชา หรือเจ้าของเองก็ไม่เคยรู้ว่าในถ้วยชา มีหญิงสาวทอดกายหลบซ่อนอยู่

ปล. ถ้วยชานี้ มีอยู่จริง แต่ความตั้งใจของเจ้าของถ้วยชานั้นไม่อาจรู้ได้ แต่ก็ทำให้ผู้ค้นพบ ยิ้มขำในภาพที่ปรากฎ

8 เมษายน 2552

เดินทางไกลด้วยรอยยิ้ม

วันนี้ ไปเดินทางไกลมา
ในเมืองวุ่นวาย เลยอยู่นอกเมือง
นั่งรถ ข้ามเรือ ถึง เกาะเกร็ด
กิน กิน กิน และก็ เดิน เดิน เดิน
เราเดินรอบเกาะ
ระยะทาง 6 กิโล
ท้าทาย แสงแดด และลมร้อน
ไกล ไกล ไกลจนไม่รู้เมื่อไหร่จะถึง
แต่ก็มั่นใจว่ามันต้องถึง
เดินไป คุยไป
เดินไป หัวเราะไป
เดินไป ยิ้มไป
ทางไกล แต่ไม่เลยที่จะหวั่นใจ
เมื่อยก็นั่ง เหนื่อยก็พัก
เก็บมะปราง ลิ้นจี่ กินข้างทาง
แดดร้อนระอุ แต่ในใจเปี่ยมสุข
ต้นไม้ ใบหญ้า และเพื่อนร่วมทาง
ทุกอย่าง ช่างรื่นรม

ช่างเป็นวันดีดี ที่ได้ "เดินทางไกล" ไปด้วยกัน

แม้ว่าจะมาค้นพบว่ามีจักรยานให้เช่ากลางทางก็เถอะ

จดหมายถึงอัสดง

ถึง อัสดง

ยินดี ที่ได้รับฟัง
ฉันเศร้าใจ ยามเธอเศร้าใจ
ราวกับมันได้เกิดขึ้นกับตัวฉันเอง
ดีใจ ที่เธอนึกถึงกัน
ในวันที่จิตใจเธออ่อนไหว
เมื่อฝนตกหนัก ได้ผ่านพ้นไป
เธอยืนอยู่ใต้พระจันทร์สุกสว่าง
บอกกล่าวความอ้างว้าง
ไม่อยากให้เธอเศร้า
ฟ้า ฝน เดือน ดาว และฉัน
จะขอปลอบประโลมเธอ

ขอให้วันพรุ่งนี้ เป็นวันที่มีแดด เพราะเธอเคยบอกว่า วันดีดีของเธอคือวันที่มีแดด

ด้วยมิตรภาพ
ตะวันฉาย