14 ธันวาคม 2554

สวนสีชมพู



สวนสีชมพู

ฟ้าเปลี่ยนสี สวนก็เปลี่ยนสี
พระอาทิตย์กำลังตกดิน แสงสีผสมกันกลายเป็นสีชมพูแกมส้มแกมม่วง
มองด้วยตาเปล่าสีมันสวยมากจนอยากถ่ายรูปเก็บเอาไว้
ภาพถ่ายที่ได้ไม่เหมือนอย่างตาเห็น แต่ก็พอจะช่วยหยุดช่วงเวลาสวยๆนั้นไว้ได้
แม้ว่าอาจจะเป็นความสวยงามบนความโรยรา














จากสวนสีเขียวๆ หลังถูกน้ำท่วมมาหลายเดือน ต้นไม้เขียวๆก็ค่อยๆตายลง
ใบค่อยๆร่วงหล่น ลำต้นค่อยๆโค่นล้ม และเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล แทบทั้งต้น
พอต้องแสงอาทิตย์สีชมพูยามเย็น ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าต้นไม้เหล่านี้กำลังจากไป
ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไป จะมีสวนสีเขียวอีกไหม
ไม่รู้ว่าเจ้าของสวนจะเปลี่ยนแปลงมันอย่างไร

อาจเป็นเพียงฉากข้างหน้าต่างที่เปลี่ยนไป
ฉันยังคงนั่งมองความเปลี่ยนแปลง อยู่ข้างหน้าต่างบานนี้

10 ธันวาคม 2554

ภาวะหมุนเวียน


ฉันเพียงแค่เศร้าเกินกว่าที่คิดไว้
อ่อนไหวไปหน่อยในสิ่งที่ไม่น่าจะอ่อนไหว
ฉันห้ามความเศร้าในใจไม่ได้
รู้สึกแย่ที่รู้สึกแย่
จะเป็นไรไหมที่ฉันจะรู้สึกแบบนี้
อยากจะมีใครมากอดแล้วบอกว่า
ฉันจะเป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไร
และไม่ว่าอย่างไร ก็จะรักฉัน

จะต้องการการยอมรับอะไรกันมากมายนะ
ทั้งที่รู้ว่ามีความรักอยู่ตรงนั้น
เพียงแต่ในยามนี้ มีหมอกควันมาขวางกั้น
ทำให้ฉันมองไม่เห็นและรู้สึกเจ็บปวด

แต่ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ใช่ความผิดใคร
ต้องเป็นฉันผู้เดียว ที่ต้องจัดการกับความรู้สึกตัวเอง






17 พฤศจิกายน 2554

ดอกไม้สีม่วงนอกหน้าต่าง


ดอกไม้สีม่วงนอกหน้าต่าง
ประกาย ปรัชญา

1.
คมจันทร์ตะวันออก หรือหมอกขาว
รวงแดดฤดูหนาว หรือดาวเหนือ
เพลงมิรู้โรยราจากท่าเรือ
หรือดนตรีผีเสื้อเหลือจะนับ 

ที่กล่อมเกลา
อ่อนโยนอ่อนเยาว์ยามเจ้าหลับ
แตะสวย แต้มใส ได้ตื่นซับ
ห่มแวววัน - แวววับกับค่ำคืน

ที่ถักทอ
ม่วงละเอียดลออเต็มช่อชื่น,
ม่วงระบัดระบายอยู่พรายพื้น
ผลิเจ้าแย้ม - เจ้ายื่นความรื่นรมย์

หรือเรืองไรภายในใจเจ้าเอง
เบ่งบาน บ่มเพาะ เหมาะสม
ถักช่อ ทอชื่น ดั่งผืนพรม
แมลงเช้าเลียบชมในลมเช้า


2.
เปลวไฟในหนังสือหรือรักนั้น
เธอมาเยือนเหมือนฝัน หรือวันเก่า
คลื่นสานเสียงหวานใสไว้บางเบา
หรือเปียโนหวานเศร้าผ่านเข้ามา

ที่อบอวล
สวนแห่งความครุ่นคิด - ชีวิตข้า
สบสายทางสีทองของเวลา
ปีติเต็มนัยน์ตา - น้ำตาคลอ

ที่กรุ่นกราย
กลิ่นเอยกลิ่นอายหลายดอกช่อ
หลากพุ่มพันธุ์ - สีสรรพ์อันเพียงพอ
ก่อเกิดบทกวี - สวนชีวิต

หรือเรืองไรภายในใจเจ้าเอง
เบ่งบาน ทุกระยะ ขณะจิต
พราวพร้อย จากน้อย จากน้อยนิด
ได้แดดเช้าชวนชิดเป็นมิตรเช้า


3.
ลมหอบความเหน็ดหน่ายเพื่อบ่ายหน้า
เกินกลับคืนหาข้า - มองหาเจ้า
นอกและในหน้าต่างระหว่างเรา
เพลินยั่วยิ้มยั่วเย้าอยู่เท่าทัน

นาทีอันแสนดีนาทีใด
เรารู้ว่าราไฟไม่มอดฝัน
โมงยามอันแสนงามโมงยามนั้น
เราโผพ้นขีดขั้นของวันคืน 



ได้รู้จักบทกวีบทนี้โดยบังเอิญ อ่านแล้วรู้สึกถึงความอ่อนไหว ทั้งในตัวฉันและบทกวี 

30 ตุลาคม 2554

สวนสีเขียว


สวนสีเขียว


ท้องร่องสวนของบ้านที่อยู่รั้วติดกัน วิวข้างหน้าต่างจากโต๊ะทำงาน
ฉันนั่งมองสีเขียวของมันเพื่อพักสายตาอยู่เสมอ




ช่วงเดือนนี้ น้ำท่วมขังสวนสีเขียวตั้งแต่ต้นเดือน
น้ำเพิ่มขึ้นทีละนิดๆทุกวัน  
เข้าสู่ปลายเดือนตุลาคม ตอนนี้มองไม่เห็นท้องร่องสวนแล้ว
ฉันนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง เฝ้าดูความเปลี่ยนแปลง














เมื่อมองดูมันอยู่ทุกวัน ปริมาณน้ำ และ แสงสีในแต่ละวันทำให้สวนสีเขียวเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ฉันชอบรูปทรงเส้นแสง จากเงาที่ทาบลงบนจอกแหนสีเขียว
เป็นสิ่งเล็กๆที่ฉันมองว่ามันสวยดี แต่น้ำไม่ท่วมย่อมดีกว่าอยู่แล้วทั้งสำหรับต้นไม้และเจ้าของสวน
ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ รอวันน้ำลด ภาวนาให้ทุกสิ่งดีขึ้นโดยไว
ฉังยังคงอยากเห็นความสวยงามในสภาวะปกติธรรมดาของมัน : )

12 ตุลาคม 2554

สิ่งเก่าๆ เรื่องเก่าๆ


          เราไม่อาจกลับไปหาสิ่งเก่าๆ หรือพยายามจะ 'ดึง' อารมณ์ความรู้สึกเก่าๆ ออกมาจากบางสิ่งในแบบที่เราเคยจดจำมันไว้ได้ เรามีสิ่งเหล่านั้นอยู่ในความทรงจำ มันดีและวิเศษ แต่เราก็ต้องก้าวต่อไปหาสิ่งอื่นๆอีก        
          เพราะเรื่องเก่าๆไม่มีอยู่ที่ไหนอีกแล้ว นอกจากในใจของเรา ณ ขณะนี้เท่านั้น

เออร์เนสต์ มิลเลอร์ เฮมมิงเวย์
(21 กรกฎาคม 1899 - 2 กรกฎาคม 1961)
จากหนังสือ วาระสุดท้าย โดยโตมร ศุขปรีชา

4 ตุลาคม 2554

รู้สึกผิด


เบื่อที่จะต้องรู้สึกผิดตลอดเวลา
แต่ฉันก็ยังทำมันไม่เสร็จเสียทีนี่นา
ก็คงต้องก้มหน้าก้มตา อยู่กับความรู้สึกผิดต่อไป
ทั้งในวันที่เขียนอะไรไม่ได้เลย และวันที่เขียนได้บ้างเล็กน้อย
ช่วงนี้คงมีวันแค่ 2 แบบนี้เท่านั้นสินะ
จนกว่ามันจะลุล่วงผ่านไป...



29 กันยายน 2554

เร้น

เร้น  : มนตรี ศรียงค์

ห่วงว่าใจหนึ่งดวงจะร่วงลา                    จึงคงคิดถึงประหนึ่งว่า
เธอยังอยู่ใกล้ใกล้เพียงปลายตา            เพียงคว้าสวมกอดมาพรอดคำ
เป็นคำรักคำเดิมแต่เริ่มแรก                  แอบแกวกน้ำใสอันไห้ร่ำ
มองฟ้ามืดคลี่ด้วยสีดำ                       ทรงจำช้ำบอบอยู่กรอบตา
โดดเดี่ยวดึกดื่น - คืนนี้                       ความทรงจำที่มี - ไร้ค่า
ซ้อนซ่อนเกยเก่ยอยู่ปลายตา               เอื้อมคว้าห่างไกลแม้ปลายมือ



23 กันยายน 2554

เธออยู่ในทุกๆวัน


ในวันที่ดอกไม้บาน ฉันมองเห็นเธอ
ยามมองออกไปยังโลกกว้าง
ฉันได้รับเรี่ยวแรงอยู่ห่างๆ จากที่แสนไกล
ฉันรับมันไว้ ผ่านการโอบกอดของแสงตะวัน

ในวันที่ลมพัดเย็น ฉันนอนหลับฝัน
ระลึกถึงครั้งที่เธอกับฉันแลกเปลี่ยนความฝัน เมื่อวันวาน
ยิ้มซึมซับความอ่อนหวาน
ความทรงจำจะอยู่แสนนาน เมื่อเรายังคงคิดถึงมัน

ในวันที่มีฝน ตัวและใจเปียกปอน
ฉันนั่งถอนหายใจไม่มีสิ้นสุด
หยดน้ำปะปน จากเม็ดฝนและดวงตา
แล้วสักพักหนึ่ง มันก็จะเหือดแห้งไปทั้งหมด
ดังที่เธอบอกฉันตลอดมา และมันก็เป็นเช่นนั้น


เธออยู่ในทุกๆวันของฉัน  ฉันขอบคุณ...  



20 กันยายน 2554

ผิดหวัง

การจะเป็นคนเก่ง มันต้องใช้เวลา

และเวลาที่ฉันผ่านมา มันคงยังไม่พอ

ต้องเก่งไหม แล้วต้องเก่งในเรื่องไหน
เพื่อจะได้เคารพนับถือตัวเอง หรือได้รับการยอมรับจากผู้อื่น

ในวันที่ผิดหวังกับตัวเอง
มันเหมือนกับว่า สำหรับคนที่ไม่เก่งพอ ไม่ดีพอ จะไม่มีที่ยืนบนโลกใบนี้

ฉันควรจะอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้ดี ???

25 สิงหาคม 2554

วันที่ยังไม่อยากกลับบ้าน

ยังไม่อยากกลับบ้าน
บางครั้ง ก็มักจะรู้สึกแบบนี้ รวมทั้งวันนี้ด้วย
และส่วนใหญ่เมื่อรู้สึกแบบนี้ มักจะอยากอยู่กับใครสักคน
และในวันแบบนั้น ก็มักจะต้องอยู่คนเดียวเสมอ (รวมทั้งวันนี้อีกเช่นกัน)

พักหลัง ไม่ได้รู้สึกแบบนี้เท่าไหร่นัก
เพราะความเหน็ดเหนื่อย เพราะระยะทางที่ห่างไกลกว่าเดิม ทำให้รีบกลับบ้าน
เมื่อตอนเรียนปี 4 จำได้ว่า เป็นช่วงที่รู้สึก ยังไม่อยากกลับบ้าน บ่อยที่สุด
อยากจะเถลไถล เล่นสนุกอยู่กับเพื่อน
จนแม่เคยแซว ว่าฟ้าไม่มืด กลับบ้านไม่ถูกหรือไง

บ้านก็คือบ้านเช่นเคย
เพียงแต่อยากจะอยู่ท่ามกลางสิ่งอื่นร่วมกับคนที่คุ้นเคยอีกสักหน่อยเท่านั้น
แต่วันนี้ทำได้เพียงอยู่ท่ามกลางสิ่งอื่นโดยลำพัง ปล่อยความคิดเปะปะไหลไปเรื่อย
เดินเปะปะ คิดอะไรเปะปะได้ไม่นาน ก็ยอมจำนน ขึ้นรถกลับบ้าน

คนที่ใจยังวนเวียนเรื่องยังไม่อยากกลับบ้าน ลงรถ เดินเข้าซอยบ้าน
อยู่ๆก็มีหมาน้อยผอมๆมอมแมม มาด้อมๆมองๆ
เรามันคนไม่รักสัตว์ ก็ออกจะกลัวๆ
มันวิ่งเหยาะ เดินป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่าง
เดินไปด้วยกันจนถึงหน้าประตูบ้าน
มันก็แค่ เดินๆวิ่งๆอยู่ข้างๆ
แต่เราในตอนนั้น รู้สึกขอบคุณมันอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนกับว่า โจทย์ของวันนี้ ที่อยากอยู่กับใครสักคนถูกคลี่คลายลงแล้ว
แม้ว่าจะเกิดขึ้นก่อนถึงบ้านเพียง 10 นาที

ขอบคุณอีกครั้ง แม้ว่าฉันจะบอกไปแล้วที่หน้าประตู : )



24 สิงหาคม 2554

YOU


you left me and start your new journey
to the place where I can only imagine
you look like a child under that hat
I hope a new shoe will suit you
at the river, I say goodbye to you for one last time
let the river takes you to wherever you want to go

A trace of you is a part of me
I kept you with me forever.




30 กรกฎาคม 2554

Let me sing you a waltz

4 ปีมาแล้วที่เธอนอนอยู่อย่างนั้น
เธอกำลังคิดอะไร รู้สึกยังไง ฉันไม่เคยรู้ได้เลย
เธอยังจำเสียงของฉันได้หรือเปล่า

วันนี้ที่พบกัน  ฉันกลัว
แม้ว่าเคยคิดจินตนาการไว้มากมาย
แต่พอเอาเข้าจริง ฉันก็ยังกลัว กลัวมากด้วย

ระหว่างเดินทางกลับบ้าน
ภาพหนึ่งแวบเข้ามาในหัว
เสียงเพลงดังแว่วขึ้นมา
เธอจับมือฉัน โอบเอวฉัน
และสอนฉันเต้นรำ จังหวะเพลงวอลซ์
ฉันเต้นรำไม่เก่ง แต่ก็รู้สึกสนุก
เธอเต้นถูกต้องสวยงาม เคร่งครัด
ส่วนฉัน ได้แต่ก้าวตามอย่างที่เธอบอก
เธอสอนฉันอย่างใจเย็น
ดูก็รู้ว่าเธอชอบเต้นรำแค่ไหน

ภาพนั้นมันนานมาแล้ว
จะยี่สิบปีหรือยัง ก็ไม่แน่ใจ
แต่วันนี้มันกลับเด่นชัดเหลือเกิน
จนฉันอยากจะร้องไห้

ฟังอยู่หรือไม่ ฉันอยากร้องเพลงวอลซ์ ให้เธอฟัง

Let me sing you a waltz

22 กรกฎาคม 2554

My small space


Little corner, on the table

every shades of color
 
bring me joy

bring me peace

I can feel and see me there












17 กรกฎาคม 2554

Pattern from the temple


 Pattern from the temple :)













ไปเดินเล่น วัดอรุณ ก็เลยได้เจอลวดลายสวยๆเต็มวัดเลย ทั้งลายจากฝาผนัง ลายกระเบื้อง แถมยังใช้โทนสีสวย ให้ความรู้สึก vintage มากๆ ตอนแรกกะว่าจะไปนั่งวาดรูปเล่น แต่พอเจอลายสวยๆพวกนี้ก็ถ่ายเพลินจนลืมวาดรูปไปเลย :)

9 กรกฎาคม 2554

Good shoes take you to good places




Good shoes take you to good places

Sketch from my photo, it's a trail of my travel

We walk walk walk , sometime we stop and then walk : )








24 มิถุนายน 2554

By the River Yarra I sat down and...

By the River Yarra I sat down and...


ภาพแม่น้ำ Yarra และโรงเก็บเรือ 








เราเดินเล่นกันในตัวเมือง Melbourne เรื่อยมาจนถึงแม่น้ำ Yarra เราหยุดนั่งเล่นกันครู่ใหญ่ บรรยากาศริมแม่น้ำทำให้รู้สึกสบาย และอยากจะนั่งนิ่งๆไม่ทำอะไร แม่น้ำไหลเอื่อยๆ ด้านหน้าพวกเราเป็นแม่น้ำใหญ่ที่ริมฝั่งตรงข้ามมีโรงเก็บเรือสวยๆเรียงรายอยู่ ริมแม่น้ำลมพัดแรง ทำให้อากาศยิ่งหนาว ริมทางเดินที่เรานั่งพักเต็มไปด้วยใบเมเปิ้ลสีเหลือง สีน้ำตาล สีแดง อยู่บนต้นบ้าง ร่วงกราวกับพื้นบ้าง พอลมพัดทีก็มีเสียงใบไม้ปลิวครืดคราดให้ได้ยิน เรานั่งกันเงียบๆ มองแม่น้ำเบื้องหน้า มองคนเดินผ่านไปผ่านมา ช่วงเวลานั้นทำให้รู้สึกว่า  "สบายใจ"

By the River Yarra I sat down and...

23 มิถุนายน 2554

Last night sketch...

Last night sketch...

รูปนี้กะสัดส่วนผิดไปนิด ทำให้พื้นที่ไม่พอวาดด้านบนของตึก  ปัญหาของการวาดอาคารบ้านเรือนที่เราเป็นบ่อยๆคือ พวกเหลี่ยม พวกโค้ง ซอกหน้าต่าง มุมตึก ทั้งหลาย วาดมาทีไรผิดรูปทรง ผิดหลักแสงเงาทุกที คงต้องใจเย็นๆ และต้องฝึกๆๆๆ ให้มากๆ









ภาพที่เห็น วาดจากรูปถ่าย บ้านเรือนที่ไปเดินเล่นในย่าน Fitzroy  ที่โน่นมีบ้านเก่าๆเยอะมาก มีผสมกันเก่าใหม่ ส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียว ยิ่งถ้าออกไปนอกเมืองนี่แทบไม่มีตึกสูงเลย ด้วยความที่มีบ้านเก่าเรียงรายเป็นแถบในหลายๆย่าน มันให้ความรู้สึกว่า Melbourne มันดูมีความเป็นเมือง Vintage อย่างบอกไม่ถูก และที่เราชอบมากคือ มันไม่เนี้ยบจนเกินไป ไม่หรูหราจนเกินไป ซึ่งทำให้รู้สึกว่าดูเป็นธรรมชาติดี

เราชอบพวกลายฉลุ และสีสันต่างๆของบ้าน เค้าเลือกสีทาบ้านกันได้น่ารักมาก ยิ่งถ้าวันไหน Melbourne ฟ้าใส อย่างในรูป จะยิ่งรู้สึกว่าสีสันมันตัดกันดีจริงๆ : )




รูปถ่ายต้นแบบ...



19 มิถุนายน 2554

Little Shops I love : )

ไปเที่ยวคราวนี้ ตอนแรกตั้งใจว่า อยากจะทำ Theme ถ่ายรูปร้านหนังสือ ร้านของกระจุกกระจิกน่ารักๆ เพราะร่ำลือมาว่า Melbourne มีร้านหนังสือ และร้านขายของ Handmade เยอะแยะเต็มไปหมด แต่พอเอาเข้าจริง หักโหมเที่ยวจนลืมถ่ายรูป หรือ บางร้านก็ได้แต่ตื่นเต้นเวลานั่ง Tram ผ่าน แต่ไม่มีเวลาได้แวะไป (เช่นร้าน Paperback เป็นต้น  ร้านนี้ผ่านบ่อยมาก และหมายมั่นว่าจะแวะ แต่เวลาน้อยเกินไปเลยอด) หรือบางทีพอเข้าไปในร้านก็ไม่กล้าถ่ายรูป กลัวเจ้าของร้านเขาจะว่าเอา :P

งานนี้ก็เลยได้รูปมานิดหน่อย เอาเฉพาะร้านที่เราชอบมากๆ เห็นแล้วแบบว่า ไม่ถ่ายเก็บไว้ไม่ได้แล้ว : )

ร้านแรก เป็นร้านหนังสือเด็กที่ Flinders Lane ชื่อร้าน The Little Bookroom ขายแต่หนังสือเด็ก ทั้งเรื่องอ่านและหนังสือภาพ มีหนังสือปกสวยๆเต็มไปหมด ได้แวะเข้าไปชมก็ปลื้มแล้ว





ใกล้ๆกันมีร้านขายอุปกรณ์ศิลปะ แน่นอนว่าต้องแวะเข้าไป Survey :)  ของค่อนข้างแพง เลยดูเล่นเพลินๆ ร้านนี้นอกจากขายอุปกรณ์แล้ว ในร้านนี้ก็มีขายหนังสือมือสองเกี่ยวกับการวาดรูปด้วย
ขายครบเลยทีเดียว





Fitzroy เป็นอีกย่านที่น่าสนใจมาก อยากจะมีเวลาเดินเล่นนานๆกว่านี้ :) เพราะย่านนี้มีร้านหนังสือมือสอง ร้านขายของ Vintage งานCraft ร้านFurniture เยอะแยะบรรยากาศแต่ละร้านก็ Friendly ดูสบายๆ น่าเข้าเป็นที่สุด อย่างร้านหนังสือมือสองข้างล่างนี้ก็ วาง Display สบายๆมาก รื้อค้นกันตามอัธยาศัย : )





ในย่าน Fitzroy นี้เอง ที่เราเจอร้านขายงานกระดาษ ที่สวยมากกกกกก ชื่อร้าน Zetta Florence
ในร้านเต็มไปด้วยกระดาษลายสวยๆ และผลิตผลที่มาจากกระดาษ เช่น สมุดบันทึก การ์ด โปสการ์ด กล่องกระดาษ รวมทั้งอุปกรณ์กระจุกกระจิกที่ใช้ร่วมกันกับกระดาษ
เข้าไปก็ตื่นเต้นละลานตากันเลยทีเดียว ทั้งของในนั้นและการจัดร้าน :)))






Window display สวยมาก เราก็ Window shopping เพลินไปเลย :)







ช่วง 4 วันสุดท้ายของการเดินทาง เราไป Sydney กัน ตระเวนทั้งตัวเมืองและไปเที่ยวนอกเมืองอย่าง Blue Mountains เราซื้อทัวร์ One Day Trip กันไป เขาแวะหมู่บ้านเล็กๆในแถบ Blue Mountains ให้ลงไปเดินเล่น มีร้านน่ารักๆเต็มไปหมดอีกเช่นเคย
และที่สะดุดตา สะดุดใจเรามากเป็นพิเศษ ได้แก่ 2 ร้านนี้ค่ะ

ร้านแรกคือร้านขายหนังสือเล็กๆ ชื่อว่า Megalong Books
ข้างในขายหนังสือทุกประเภท บรรยากาศอบอุ่นน่ารัก




แต่ที่ชอบที่สุดคือ เมื่อเดินลึกเข้าไปด้านในสุดของร้าน เขาทำมุมหนังสือเด็กไว้โดยเฉพาะเลย น่ารักมาก ตรงกลางว่างโล่ง มีหนังสืออยู่รอบๆ วางหนังสือแซมตุ๊กตา
น่าเข้าไปนั่งนอนเกลือกกลิ้งอยู่แถวนั้นมากๆเลย 





อยู่กันพร้อมหน้าเลย ทั้ง Peter Rabbit, Jemima Puddle Duck,
Mrs.Tiggy-winkle และ Mr.Jeremy Fisher



ในย่านเดียวกัน เดินถัดไปสักหน่อย ก็จะเจอร้านขายเครื่องเขียน
ชื่อร้าน Elizabeth Rosa Fine Stationery
ร้านโปร่งๆสีขาว ที่ข้างในมีเครื่องเขียนสวยๆ เจ้าของร้านใจดีมาก เห็นเราสนใจอะไร ก็เรียกให้มาลองเล่น ลองใช้ ข้าพเจ้าเลยได้ปากกาหัวตัดสำหรับหัดเขียน Calligraphy มา 1 แท่ง :P






ที่จริงมีร้านอีกมากมายที่ไปเจอมาแล้ว ชอบ ไม่ว่าจะเป็น Cafe ต่างๆ ร้านอาหารเช้า ร้านขายชา ร้านขายเมล็ดกาแฟ ร้านช็อคโกแลต ร้านเบเกอรี่ แต่อย่างที่บอก ขี้เกียจบ้างลืมบ้าง เลยไม่มีรูปสวยๆมาอวด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านกาแฟ  ที่ Melbourne ร้านกาแฟเล็กๆ เยอะมาก เราเข้าไปกินร้านไหน ก็เจอกาแฟอร่อยทุกร้านไป เพื่อนเราบอกว่า Victoria เป็นรัฐที่ผลิตเมล็ดกาแฟ ที่นี่เลยมีกาแฟดีๆให้ได้ดื่มกัน
มันเลยกลายเป็น Culture ของคนแถวนี้ที่นิยมดื่มกาแฟและนั่งตามCafeกันมากๆ

สิ่งที่เราสังเกตเห็นและรู้สึกว่าสวยดี คือขวดน้ำ และแก้วกาแฟ
หากสั่ง Latte ไม่ว่าไปร้านไหนส่วนใหญ่เขาจะนิยมใส่แก้วใสๆ (ทรงอย่างในรูปด้านล่าง)
ให้เห็นกันไปเลยว่าสัดส่วนกาแฟ และชั้นนมสดมากน้อยขนาดไหน
เพื่อนเราบอกว่า จะให้ถูกต้อง ชั้นนมสดจะต้องหนาประมาณ 1.5 ซม. :)



ส่วนเรื่องขวดน้ำ ส่วนใหญ่ตามร้านเขาจะมีน้ำเปล่าให้ฟรี ใส่ในขวดไว้ ให้เราหยิบบริการตนเอง
แต่ละร้านมีขวดน้ำทรงสวยๆ สีสวยๆ ลายสวยๆ ทั้งนั้น
อย่างในรูปข้างบน ขวดใสๆมีลายใบไม้เล็กๆอยู่รอบๆด้วย สวยดี :)
ทำให้เริ่มรู้สึกว่า ทรงขวดเนี่ยมันก็สวยดีเหมือนกันนะ




สิ่งเหล่านี้เป็นแค่หนึ่งในหลายๆความเพลิดเพลิน เราได้เดินเล่น ดูบ้านเมือง ร้านรวง
แม้จะไม่ได้ซื้อ แค่ได้ชมก็มีความสุขแล้ว : )