18 พฤศจิกายน 2555

ยอมรับ และ ทบทวน


เมื่อทั้งหมดที่ผ่านมา เดินทางมาถึงจุดนี้
สิ่งที่จะต้องทำให้ได้คือ ยอมรับ
และคิดทบทวนอย่างจริงจังว่าตัวเองจะจัดการกับมันอย่างไร
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้อีกต่อไป

15 พฤศจิกายน 2555

วาดน้อยหน่า





ที่จริงแล้วน้อยหน่าเป็นผลไม้ที่เราไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทผลไม้ติดบ้านที่แม่จะซื้อมาให้กินบ่อยๆ และตอนเด็กๆจำได้ว่าขี้เกียจกินเพราะเม็ดมันเยอะ

เราไม่ได้กินน้อยหน่ามานานแล้วเหมือนกัน จนมาช่วงนี้ที่อยู่ๆแม่ก็ซื้อน้อยหน่ามาให้กินอีกครั้ง (ถ้าแม่ไม่ซื้อมา อย่างเรารึจะหากินเอง) 

หลังจากที่ไม่ได้กินมายาวนาน น้อยหน่าแช่เย็นชื่นใจ ก็ทำให้ตกหลุมรัก
กลิ่นหอมๆ รสหวานๆ ทำให้รู้สึกกินแล้วอยากจะกินอีก (เอ หรือนี่เรียกว่าตะกละ 555)

นอกจากอร่อย เราว่าหน้าตามันน่ารักซะด้วย ก็เลยจับเอามาวาดรูปเสียเลย แต่ลูกที่อยู่ที่บ้านมันออกจะสุก มีรอยดำๆไม่ค่อยสวย เลยหาแบบแล้ววาดอิงจากแบบอีกที

ช่วงนี้ยุ่งเรื่องงานพอสมควร ก็เลยไม่ได้มีเวลาที่จะนั่งสบายๆวาดรูป  เพราะไม่ค่อยได้วาดนี่แหละ ที่ทำให้คิดถึงการวาดรูปมากๆ  เมื่อคืนใจโปร่งๆ เลยงัดเอากระดาษ ดินสอ พู่กัน และ สีน้ำ มาลงมือทำเลย

รู้สึก สุข สงบ และรู้สึกหวานๆนิดๆเวลาลงสีผลน้อยหน่า :)

3 พฤศจิกายน 2555

สุดสัปดาห์ในบ้านว่างๆ


สุดสัปดาห์ที่อากาศกำลังดี ลมหนาวกำลังจะมา
บรรยากาศของวันหยุด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
อยู่บ้านคนเดียว และรู้สึกโปรดปรานในความโล่งว่างของบ้าน
ดื่มชาไปพร้อมๆกับดื่มด่ำกับเพลงที่รู้สึกลึกซึ้ง
เลือกให้เหมาะเจาะ กับงานที่เหลือค้างให้สะสาง
ชาและบทเพลงราวกับเป็นส่วนหนึ่งของงานชิ้นนี้
รู้สึกดีกับการมีสมาธิดำดิ่งลงไปในสิ่งที่กำลังทำ
คิดออกทีละนิด และค่อยๆทำมันออกมาทีละน้อย
ความมั่นใจปรากฎในความไม่มั่นใจ 

ในช่วงเวลาแบบนี้ มักจะคิดขึ้นมาเสมอ ว่านี่หรือเปล่านะ ชีวิตในแบบที่อยากมี 


22 ตุลาคม 2555

ขี่รถเล่น


เธอชวนฉันไปขี่รถเล่นตอนเช้า เธอขับฉันซ้อน
แดดอ่อนๆ ลมพัดสบายๆ ขับผ่านรั้วบ้านใครต่อใคร
ผ่านร้านค้า ผ่านโรงเรียน ผ่านศาลเจ้า
เข้าซอยเล็กๆ ออกถนนใหญ่ๆ
เกาะหลัง กำเสื้อเธอเอาไว้
คุยกันไปดูทางกันไป
มาถึงตลาด แวะกินของเช้า
ฉันสั่งกาแฟ เธอกินขนมครก
หิ้วถุงของกินโน่นนี่กลับบ้าน
สายแล้ว แดดเริ่มแรง
เธอขับฝ่าแดด ฉันก้มหลบแดด
เป็นความสนุกอุ่นๆของเช้าวันใหม่ที่เราได้ไปเที่ยวด้วยกัน

เธอชวนฉันไปขี่รถเล่นตอนค่ำ เธอขับฉันซ้อน เช่นเคย
ฟ้าเริ่มมืด อากาศเริ่มเย็น ขับผ่านรั้วบ้านใครต่อใคร
ผ่านโรงงาน ผ่านสนามกีฬา  ผ่านสถานีตำรวจ
ออกถนนใหญ่ๆ เข้าซอยเล็กๆ
เกาะไหล่ กำเสื้อเธอเอาไว้
คุยกันไปดูทางกันไป
มาถึงตลาดโต้รุ่ง แวะกินข้าวเย็น
ฉันสั่งข้าว เธอสั่งก๋วยเตี๋ยว
หิ้วถุงขนมโน่นนี่กลับบ้าน
ดึกแล้ว พระจันทร์เสี้ยวส่อง
เธอขับโต้ลม ฉันนั่งชมจันทร์
เป็นความสนุกอุ่นเย็นของค่ำวันนี้ที่เราได้ไปเที่ยวด้วยกัน


  

30 กันยายน 2555

อินกับเธอ


อินกับเรื่องของเธอ อินมากเสียจนรู้สึกเศร้ากับสิ่งที่คิดไปเอง
เธออาจไม่ได้โดดเดี่ยวขนาดนั้น อาจจะกำลังเป็นสุขอย่างที่เธอแสดงออก

เธอกล่าวชื่นชมฉัน ซึ่งฉันปลื้มมากเพราะมันออกมาจากปากของเธอ
ฉันถามเธอหลายอย่าง และเล่าอะไรให้เธอฟังหลายอย่าง
บางทีก็รู้สึกเป็นเด็กน้อยยามอยู่กับเธอ
เธออ่านฉันขาด แม้เราจะได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ครั้ง
หลายประโยคของเธอยังคงตกค้างในใจ
เหมือนเธอช่วยเขี่ยภาพลวงตา ที่บดบังความจริงเอาไว้
คำพูดที่ช่างเข้าอกเข้าใจ แต่ก็ตรงไปตรงมาแบบไม่เอาใจฉันจนเกินจริง
จากคำพูดของเธอฉันออกจะเห็นความหวังในโลกที่เธอชอบเหน็บแนมว่าไร้หวัง

ดีใจที่ได้พบกัน ขอบคุณที่รับฉันเป็นมิตรของเธอ
ไม่รู้ทำไมถึงอินเรื่องของเธอนัก
แต่กับเธอที่ฉันอ่านไม่ออก ฉันรู้เพียงว่าฉันอยากให้เธอเป็นสุข

22 กันยายน 2555

ค่ำคืนที่ดี


ฉันชอบวันที่ได้ทำอะไรในเวลาที่ผิดแผกไปจากทุกวัน
มันทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างประหลาด

ในวันที่น่ายินดี งานเลี้ยงเลิกรา เราต่างแยกย้าย
ค่ำคืนฝนโปรย แต่เรา 3 คนรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล
เราใช้เวลาด้วยกันที่แจ๊สบาร์ ที่เธออยากแนะนำเราให้รู้จัก
เป็นที่ที่เธอชอบมานั่งฟังเพลงคนเดียว แต่วันนี้ไม่อยากโดดเดี่ยวเช่นนั้น
ไม่มีคนในร้าน ในวันฝนตกเช่นนี้จึงมีแต่เรา
เธอเลือกเครื่องดื่มให้ฉัน สีเขียวใส มีลูกเชอรี่สีแดงจมอยู่ก้นแก้ว
ใต้แสงเทียนและเสียงดนตรี เราต่างรู้สึกดี
บทสนทนาพาเราไปเรื่อยๆ เธอเล่าชีวิตวัยเด็กในช่วงที่เธอไม่ชอบ
ทำให้ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่ฉันไม่ชอบเหมือนกัน
แต่เราต่างผ่านมันมาแล้ว และมีช่วงเวลาที่ชอบร่วมกันตรงนี้ ตอนนั้นคงไม่สำคัญอีกแล้ว
นักดนตรีเก็บของกลับบ้าน เป็นสัญญาณว่าเราคงต้องกลับเช่นกัน
ดึกมากแล้ว และฝนยังคงตกอยู่ เรา3คนเดินกลับบ้านของเธอที่อยู่ไม่ไกล
เหมือนฉันได้เดินเล่นในเวลาที่แปลกออกไป
และอยู่ๆก็มีบทเพลงบรรเลงขึ้นในใจ

เป็นอีกค่ำคืนที่สุขพอดีๆ และอยากจะเก็บไว้ในความทรงจำ
 

15 กันยายน 2555

ก่อนเธอจะเดินทาง


เธอเดินกางร่มออกมารับฉันในวันฝนตก
พื้นเฉอะแฉะ แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะใต้คันร่ม ทำให้ลืมความน่ารำคาญใจ
ปลายทางของวันที่ยาวนาน การได้อาบน้ำอุ่นๆ ทำให้รู้สึกสบายเหลือเกิน
น้ำหยดติ๋งๆ จากขอบหน้าต่างและปลายผมของฉัน
เธอปอกส้มและแอปเปิ้ลไว้ให้กิน กลิ่นหอมๆของมันลอยผสมกันอยู่ในห้อง
เธออวดอูคูเลเล่ตัวใหม่ มันน่ารักมาก
ฉันลองเอามาดีดเล่น มันเสียงเพราะกว่าตัวเดิมที่เธอเคยมี
ฉันจับไม่ถนัดเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าตัวมันเล็กจัง
เธอบอกให้ฉันลองเล่นเพลงที่คอร์ดง่ายๆ
ลองดู ไม่นานก็เป็นเพลง
เธอนั่งดูทีวี ฉันนั่งดีดอูคูเลเล่ มีเสียงคุยกันของเราแทรกเป็นระยะ
เล่นไปเล่นมาเริ่มคล่อง เธอหยิบกล้องมาถ่ายวิดีโอตอนฉันเล่นและร้องเพลง
เป็นคลิปที่ไม่จบเพลง เพราะแบตหมดไปเสียก่อน
ฉันง่วงหลับไป ขณะที่เธอยังนั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ


อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เธอจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆแล้ว เราคงไม่ได้เจอกันอีกนาน
ฉันต้องคิดถึงเธอมากแน่ๆ

ในคลิปวีดิโอที่เธอถ่ายฉันเล่นอูคูเลเล่ มีเสียงของเธอพูดและหัวเราะเป็นระยะ
ฉันนั่งเปิดดูมัน วนซ้ำไปซ้ำมา





5 สิงหาคม 2555

เปียโน


คำพูดบางคำในอดีต มันติดอยู่ในความทรงจำของเรานานกว่าที่เราคิด

ตอนเด็กๆ ลูกพี่ลูกน้องของฉันเคยถามคำถามฉันเล่นๆว่า ถ้ามีคนใจดีซื้อให้ ระหว่างรถยนต์ กับ เปียโน เธอจะเลือกอะไร?
คำตอบของฉันในตอนนั้น ตอบออกไปอย่างที่ใจคิดเลยว่า ฉันอยากได้เปียโนมากกว่า นำมาซึ่งสายตาแปลกๆที่เธอมองกลับมา ที่จริงคำถามนั้นมันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่ทำไมยังจำได้แม่นก็ไม่รู้ และลึกๆแล้วฉันก็รู้สึกเชื่อมโยงบางอย่างกับเปียโนอย่างบอกไม่ถูก

แต่ฉันเล่นเปียโนไม่เป็นหรอกนะ มันเป็นเครื่องดนตรีที่แพงเกินไปสำหรับฉัน ทั้งราคาค่าเรียนไปจนถึงตัวเปียโน
แต่แค่ชื่อของมันก็เพราะแล้วล่ะ
"เปียโน" รู้สึกว่ามันเป็นคำที่เพราะและอ่อนหวานดี

ฉันเคยลองเล่นกดๆเปียโนครั้งแรกตอนมัธยมต้น เพื่อนสนิทของฉันในตอนนั้นเธอเรียนเปียโนและชอบการเล่นเปียโนมากๆ ครั้งหนึ่งในวันเสาร์ที่เรามีเรียนพิเศษกันที่สยาม หลังเลิกเรียนเธอพาฉันไปที่โรงเรียนสอนเปียโนของเธอในที่อยู่ในห้าง และแอบพาฉันเข้าไปในห้องซ้อมเปียโน เธอเล่นเปียโนให้ฉันฟัง ภายในห้องซ้อมเล็กๆห้องนั้น ฉันตื่นเต้นอย่างมากกับเสียงใสก้องกังวานที่ได้ยิน
เธอเล่นเพลงที่คุ้นหูกันดี แต่สารภาพว่าจนบัดนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าเพลงนั้นชื่อเพลงอะไร แต่ยังจำได้นะ ทำนองของมันดัง ตึง ตึง ตึงตึ๊งตึ๊งตึ๊ง ตึงตึงตึงตึงตึงตึงตึ๊งตึ๊งตึ๊ง ตึงตื้อดึง
เธอให้ฉันนั่งลงข้างๆ ค่อยๆกดไล่คีย์ตามที่เธอบอก
ฉันพบว่าแป้นเปียโนมันหนักกว่าที่คิด กดไปบางทีเสียงก็เบา บางทีเสียงก็ดัง เธอสอนฉันกดแป้นเปียโน และบอกว่า ให้ปลายนิ้วของเราสัมผัสแป้นเปียโน เหมือนกับแมวกำลังเล่นขนนก
เราค่อยๆเล่นไปด้วยกัน ฉันชอบช่วงเวลานั้นมากและยังจำมันได้ดี

ฉันไปบ้านเพื่อนสนิทคนนี้อีกหลายครั้ง ที่บ้านเธอมีเปียโนสีดำตั้งอยู่ในห้องรับแขก ทุกครั้งที่ฉันไป ฉันต้องขอเธอเล่นเปียโนตัวนี้ กดๆจิ้มๆได้ไม่มีเบื่อ และเธอก็ชอบที่จะสอนฉันเล่น ตอนนั้นเราสองคนชอบหนังเรื่อง Little Women มากๆและในหนังมีฉากที่ Beth น้องสาวคนที่3ในเรื่องเล่นเพลงในวัน Christmas เพลง Deck the Halls ฉันเลยขอให้เธอสอนฉันเล่นเพลงนี้ และยังมีเพลงน่ารักๆอย่าง Grandfather's clock ที่เธอสอนฉันเล่นไปพร้อมกับร้องเนื้อภาษาไทย

"แปลกใจใหญ่น่าดู นั่นคือนาฬิกาคุณปู่ เสียงของมันติ๊กต๊อกดังฟังน่าดู..."

ฉันชอบเพลงนี่้มาก ทำนองมันน่ารักสุดๆ

ที่บ้านฉันมีคีร์บอร์ดเล็กๆอยู่อันนึง หลังจากที่เธอสอนฉัน ฉันกลับมาซ้อมเล่น 2 เพลงนี้ตลอด แต่ก็เล่นงูๆปลาๆเท่าที่ได้ แค่นี้ก็สนุกแล้ว ฉันลองเล่นเพลงที่ฉันร้องได้ เล่นตามดนตรีที่ได้ยิน ฉันทำได้ดีทีเดียว แต่ยังไม่อาจเรียกได้ว่าเล่นเป็น

อยู่ๆความทรงจำเกี่ยวกับการเล่นเปียโนและเครื่องดนตรีที่คล้ายเปียโนของฉันก็หยุดอยู่แค่นั้น ในช่วงชีวิตต่อมา ก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะไปแตะต้องมันอีก จะมีก็เพียงการได้ฟังเสียงเปียโนในบทเพลงต่างๆ

ฉันคิดถึงการได้เล่นเปียโนเป็นบางคราว และยังชอบเสียงของมันอยู่เสมอ เสียงเปียโนในตอนเริ่มต้นของเพลงบางเพลงยังคงกระทบใจ

หลังจากที่ได้ไปดูหนังเรื่องหนึ่งที่มีฉากคนสองคนเล่นเปียโนด้วยกัน มันทำให้ระลึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับเปียโน คำถามของลูกพี่ลูกน้องและคิดถึงเพื่อนของฉันคนนั้น

พิมพ์มาถึงตรงนี้ยังอดประหลาดใจไม่ได้ ที่เมื่อลองไล่เรียงดูแล้ว ฉันจดจำรายละเอียดได้มากเกินกว่าจะรู้ตัว ในขณะที่เรื่องราวเหล่านั้นเคลื่อนไกลเราไปมากเหลือเกิน









29 กรกฎาคม 2555

Wings and Running


How much you love me?
...
...
...
Devi : "Loving you is like having wings. Like a great, massive pair of wings have been attached to my back, so that my feet no longer touch the ground." You?
...
...
Machu : "Like running." Like running through a forest, faster than anyone else can, than anyone ever has. When I run so fast that the trees begin to blur together, when I can almost see the shapes of the veera in their shadows. When my feet move so fast that time, distance, everything else falls away, when all that is left is the magic of the moment, that one moment when I'm carried by the wind." He looked steadily at her. "This is like that. Time, distance, it all seems to fade, all that matters is this one moment, this time spent with you." 

Tiger Hills, Sarita Mandanna

เป็นบทสนทนาความรักที่เราอ่านแล้วรู้สึกว่ามันบรรยายได้อย่างสวยงามและจับใจมาก แม้ว่าอ่านไปแล้วความรักของทั้งคู่มันจะเศร้ามากๆก็ตาม

18 มิถุนายน 2555

ทำความรู้จักความสุขของตอนนี้




























ภาพจาก เด็กหญิงมะม่วง หนังสือภาพโปสการ์ด โดย วิศุทธิ์ พรนิมิตร


"ไม่รู้จักความสุขของตอนนี้ จะตอนไหนก็ไม่มีความสุข"
If you never learn to be happy now, you will never be.

เพื่อนคนหนึ่งขอฉันแชร์ภาพและข้อความนี้ไว้ใน Facebook อ่านแล้วมันรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้กำลังเป็นแบบนั้นอยู่ ต้องขอบคุณที่ช่วยเตือนสติกลับมาใช้เวลากับปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้ฉันมีความทุกข์เหลือเกินในความว่างเปล่าของเส้นทางข้างหน้าของตัวเอง พอตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งเข้ามาแทนที่ความว่างเปล่านั้น แทนที่ฉันจะดีใจ หรือเตรียมตัวเตรียมใจอย่างสงบสุขกับสิ่งที่จะพบเจอ ฉันกลับพบว่าตัวเองกังวลกับข้างหน้ามากเกินไปจนลืมที่จะมีความสุขกับภาวะที่อยู่ตรงหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเคยคิดว่าหากไม่ว่างเปล่าจะต้องมีความสุขแน่ๆ แต่เอาเข้าจริงกลายเป็นว่าฉันเองที่ไม่รู้จักความสุขของตอนนี้ และนอนไม่หลับไปเสียแล้วกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายวันข้างหน้า

ดึงตัวเองกลับมา ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และชื่นชมยินดีกับตัวเองบ้าง เพราะฉันเองก็อยากที่จะมีความสุข

1 มิถุนายน 2555

โป๊ยเซียนบนดาดฟ้า

























โป๊ยเซียน... 30/05/55

ที่บ้านเก่าของฉันมีดาดฟ้า
เป็นที่ว่างไว้ตากผ้ารับแดดใส
ปลูกโป๊ยเซียนเรียงรายทั้งดอกใบ
เมื่อนึกถึงทีไรก็เบิกบาน




30 พฤษภาคม 2555

วาดมะลิในวันเสาร์


ไปถูกใจภาพถ่ายรูปดอกมะลิของเพื่อน จึงขออนุญาตเอามาเป็นแบบวาดรูป สนุกสนานมากระหว่างทางที่ได้ทำ รู้สึกว่าอยากจะค่อยๆแตะค่อยๆแต้ม ไม่ให้มันมะลิช้ำ (แต่ก็แอบช้ำนิดนึง 555)  เปิดเพลงที่ชอบ ฟังไปลงสีไป ส่วนไหนไม่มั่นใจก็จะนั่งนิ่งๆคิดก่อน ว่าจะลงสีแบบไหนดี รูปเล็กๆใบนี้ กว่าจะเสร็จจึงปาเข้าไปเกือบครึ่งวัน แต่ก็มีความสุขมากเลยที่ได้นั่งทำ เอาไปอวดแม่ แม่ชอบมากด้วย :)))




มะลิ... 26/05/55

มะลิดอกน้อยในสวน
หอมอวลรับเช้าวันใหม่
เก็บมาฝากพร้อมส่งยิ้มละไม
ขอให้เธอแจ่มใสไปทั้งวัน


29 พฤษภาคม 2555

จดหมายสีชมพู


หรือวันนี้จะเป็นวันแห่งการโหยหาอดีต
นั่งรื้อค้นโปสการ์ดจดหมายที่เก็บไว้ออกมานั่งดูนั่งอ่าน
อ่านมันซ้ำอีกครั้ง ก็ต้องแปลกใจกับจดหมายบางฉบับที่อ่านแล้วรู้สึกราวกับว่าได้อ่านมันเป็นครั้งแรก
ฉันหลงลืมมันไปได้อย่างไรนะ

จากซองและกระดาษพื้นเรียบสีชมพูอ่อน
เธอส่งข้อความสั้นๆ ที่ฉันอ่านแล้วหลุดขำ มาพร้อมกับกลอนบทหนึ่ง

Get Drunk / Charles Baudelaire

Always be drunk.
That's it !
The great imperative !
In order not to feel
Time's horrid fardel
bruise your shoulders,
grinding you into the earth,
Get drunk and stay that way.
On what ?
On wine, poetry, virtue, whatever.
But get drunk.
And if you sometimes happen to wake up
on the porches of a palace,
in a green grass of a ditch,
in the dismal loneliness of your own room,
your drunkeness gone or disappearing,
ask the wind,
the wave,
the star,
the bird,
the clock,
ask everything that flees,
everything that groans
or rolls,
or sings,
everything that speaks,
ask what time it is ;
and the wind,
the wave,
the star,
the bird,
the clock
will answer you :
"Time to get drunk !
Don't be martyred slaves of time,
Get drunk !
Stay drunk !
On wine, virtue, poetry, whatever !"







15 พฤษภาคม 2555

วาดเล่นนอกบ้าน



มีโอกาสได้ไปวาดรูปนอกสถานที่กับน้องสาวคนหนึ่งที่อยากหัดเล่นสีน้ำ เนื่องจากเรายังไม่มั่นใจในทักษะเทคนิคของเราเอง จึงยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะสอนใครได้ไหม เลยเอาเป็นว่าไปนั่งวาดเล่นนอกสถานที่ด้วยกันแล้วกันเนอะ เราอาจพอแนะนำอะไรได้บ้างจากที่เคยเรียนมา

นัดกันกับน้องที่สวนลุม ไม่ได้ไปมาตั้งนาน แม้แดดบ่ายจะยังคงรุนแรง แต่ก็หาร่มเงาใต้ต้นไม้ได้ไม่ยากนัก เราหาที่นั่งกันริมน้ำ เราเริ่มให้น้องหัดไล่สีก่อน ทำได้สักพักดูน้องอยากจะลงมือเต็มแก่ เลยจัดแจงมองหาสิ่งที่อยากจะวาดกัน แล้วให้ลงมือเลย

สำหรับเรา ยากเหมือนกันกับการแนะนำ และเราเองก็ไม่แม่นเป๊ะเท่าไหร่เวลาสาธิต 5555 แต่ก็สนุกดี วาดครั้งแรกก็ทำให้รู้ว่าน้องมีพื้นฐานแค่ไหน ครั้งต่อไปจะได้เตรียมตัวแนะนำถูกว่าจะให้น้องเริ่มฝึกจากอะไร

เราเองก็นั่งวาดไปด้วยกัน ได้ออกมารูปหนึ่งเช่นกัน

























สวนลุมที่ไม่ได้ไปมานานแล้ว  14/05/05

13 พฤษภาคม 2555

อยากเก่งจึงต้องฝึก My Drawing Project # 2










อยากเก่งจึงต้องฝึก My Drawing Project # 2

"พม่า" 11/05/55



11 พฤษภาคม 2555

อยากเก่งจึงต้องฝึก My Drawing Project


ฉันคิด Project ส่วนตัวสนุกๆขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง ถือว่าเป็นแบบฝึกหัดให้กับตัวเองในเรื่องการวาดรูป ฉันขอให้เพื่อนฉันคนหนึ่งที่เป็นศิลปิน ช่วยส่งภาพถ่ายสวยๆของเขามาให้เป็นโจทย์วาดรูป แล้วฉันก็จะวาดภาพนั้นกลับไป ให้เขาช่วยดูช่วยวิจารณ์ น่าสนุกดี การมีโจทย์เป็นการช่วยกำหนดทิศทางและฝึกฝนให้ตัวเองมีวินัย เป็นการบังคับตัวเองไปในตัว

ฉันจึงถือโอกาสบันทึกการฝึกหัดของตัวเองลงในนี้ เพื่อสร้างข้อผูกมัดเล็กๆให้กับตัวเองว่า "ให้ทำต่อไปเรื่อยๆนะ" 

อยากเก่งจึงต้องฝึก My Drawing Project 1

"Myanmar"07/05/55


เพื่อนร่วม Project comment ว่า ภูเขากับฟ้าดูแห้งๆไปนิด
ตรงภูเขามีรอยตัดเส้นเลยทำให้ภาพดูแข็งไป



































นั่งวาดในมุมเล็กๆหน้าคอมพิวเตอร์ เนื่องจากต้นแบบเป็นไฟล์ภาพ


ได้โจทย์ที่ 2 มาเรียบร้อยแล้ว ยังคงเป็น Location พม่าเช่นเคย จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด หากไม่พ่ายแพ้ความเกียจคร้านไปเสียก่อน see you next time กับ อยากเก่งจึงต้องฝึก My Drawing Project :)





9 พฤษภาคม 2555

แรงสั่นสะเทือนอันบางเบา


แรงสั่นสะเทือนอันน้อยนิด แม้บางเบาจนแทบไม่รู้สึก
แต่มันก็ยังคงเป็นแรงสั่นสะเทือนมิใช่หรือ
และฉันก็ยังคงรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอันแสนบางเบานั้น
บางครั้งก็ยังคงอยากรู้ ว่าเธอจะรู้สึกสั่นไหวในสิ่งเดียวกันบ้างหรือไม่
จนตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้รู้ และมันอาจไม่สำคัญอะไร
รู้สึก รับรู้ และก็ปล่อยมันไป  คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันทำได้ในวันนี้

27 เมษายน 2555

วันศุกร์ที่เศร้าเหลือเกิน


ในวันที่รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง ข้อผิดพลาดที่ผ่านไปแล้วมักจะมาตามหลอกหลอนให้เจ็บปวดใจอยู่เสมอ
หลอกหลอนไม่หยุดไม่หย่อน และฉันเองก็ปล่อยมันไปไม่ได้เสียที ยังเจ็บปวดซ้ำซาก
ฉันรู้ว่าไม่ควรทำร้ายตัวเองด้วยสิ่งที่มันผ่านเลยไปแล้ว ควรปล่อยและลุกขึ้นยืนเดินต่อ แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้ ฉันทำมันไม่ได้

ฉันทำอะไรได้บ้าง มีสิ่งไหนที่ทำได้ดี ในเวลาแบบนี้ฉันรู้สึกไม่มั่นใจอะไรเลย
จะไปทางไหน ทำอะไร ก็ดูเหมือนจะยังดีไม่พอไปเสียทุกอย่าง
มันเศร้าเหลือเกินเวลาที่ไม่มั่นใจอะไรเลย

ฉันจะกอบกู้มันคืนกลับมาได้อย่างไร






17 เมษายน 2555

พยายาม



เวลาและเรื่องราว เหมือนอยู่ในนาฬิกาทราย ที่มองเห็นว่ามันกำลังค่อยๆเคลื่อนหาย และสิ้นสุด
ฉันรับรู้ได้ลึกๆ แม้ไม่มีอะไรสลักสำคัญเกิดขึ้น
ฉันสัมผัสมันได้ในความเงียบ
จะสามารถสร้างเวลาและเรื่องราวใหม่ๆได้ไหม ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
ฉันคิดว่าเราต่างพยายามนะ
ในความพยายาม มันดีงามแต่บางครั้งก็เจ็บปวดที่จะต้องพยายาม
แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะพยายามนั่นแหละ
พยายามไปพร้อมๆกับปรับใจยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนไป
มันคงจะต้องเป็นอย่างนั้น



13 เมษายน 2555

นอนบ้านเพื่อน


เย็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าวสุดๆ เราเดินปาดเหงื่อตัวเปียกแฉะ คุยกันไปเรื่อยๆตลอดทาง
คุยเรื่องเธอ เรื่องฉัน มิตรภาพ ความรัก
เราแวะกินอาหารจีนข้างทาง อาหารอร่อยดี แต่บทสนทนาน่าจดจำกว่ารสอาหาร
เธอบอกว่าเธอกำลังดีขึ้น จากความเศร้าที่เธอเคยคิดไม่ออกว่ามันจะจากเธอไปได้อย่างไร
แต่ตอนนี้มันกำลังเดินจากเธอไปอย่างเงียบเชียบ ฉันยินดีที่ได้ยินเช่นนั้น
ฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นของฉันให้เธอฟัง เราต่างบ่นโน่นนี่ตามประสา
ยังไม่ดึกนักหรอก แต่เรายังอยากคุยกันต่อ และฉันเองก็ยังไม่อยากกลับบ้าน
เราเลยซื้อเบียร์กระป๋อง ไปดื่มกันต่อที่ห้องของเธอ
ดื่มเบียร์ กินมาม่าต้มยำ นั่งดูซีรี่ย์ ทำเอานึกถึงสมัยยังเป็นเด็กปี 1 อยู่หอ
เหนื่อยและง่วง แต่บทสนทนาก่อนนอนก็เริ่มขึ้น ฉันหรือเธอที่เป็นคนเริ่มพูดก่อนกันแน่นะ
ฉันโล่งและสบายใจมากพอที่จะพูดออกไปทั้งหมดที่รู้สึก ซึ่งนั่นเป็นความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน 
เราพูดคุยกันถึงพื้นที่ของเรากับความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างของเรา
ฉันและเธอเห็นเหมือนกันว่า กับแต่ละคนอาจมากเรื่องนี้ น้อยเรื่องนั้น
แต่ในระยะเหล่านั้นมันก็มีความพิเศษต่างกัน และล้วนมีสิ่งดีงาม
เธอบอกว่า กับฉันแล้ว เวลาอยู่ด้วยกันมันสงบดีๆ จะพูดเยอะก็ได้ จะอยู่เงียบๆกันเฉยๆก็ได้
มันก็มีความสุขดี เป็นส่วนหนึ่งที่เธอชอบเวลาที่เราได้ใช้เวลาด้วยกัน
นั่นทำให้ฉันนอนอมยิ้มในความมืด
เราคุยกันจนผลอยหลับไปตอนไหนไม่รู้
ตื่นเช้ามาลองนั่งนึกดู เวลาไปนอนบ้านเพื่อน ฉันชอบช่วงเวลาแบบนี้แหละที่เรานอนคุยกันจนหลับไป
ฉันเริ่มต้นวันใหม่ พร้อมกับความสุขจากบทสนทนาของเมื่อวาน

21 มีนาคม 2555

ที่ว่างสำหรับเธอ


ฉันจะเว้นที่ว่างตรงนี้ให้กับเธอเสมอ

เธอถาม  ที่ว่างที่ว่านั้นกว้างแค่ไหน ?
และจะมาได้เฉพาะเวลาที่เศร้าเท่านั้นหรือเปล่า ?

ฉันตอบว่า  มันเป็นที่ว่างที่ Unlimit และเธอก็มาได้ตลอดไป

บทสนทนาที่ชอบจาก Series Sunao ni Narenakute (Hard to Say I Love You)

19 มีนาคม 2555

เคย...

เห็นสิ่งที่ตัวเองเคยชอบมากๆอยู่ตรงหน้า
แต่ที่มันน่าเศร้าก็คือ
ในวันนี้ไม่อาจจะกลับไปชอบมันได้อย่างหมดจิตหมดใจเช่นเดิมอีกแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องเพียงฝุ่นผงสำหรับโลกกว้างใหญ่ใบนี้
แต่สำหรับตัวฉันเอง ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า
ฝุ่นผงนั้นเคยเข้าตา ซ้ำร้ายเข้ามาอยู่ในใจ จนต้องเสียน้ำตา และเจ็บปวดใจกับมัน

ไม่ได้นึกเสียดายสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงแต่รู้สึกเศร้าใจที่กลับไปชอบสิ่งที่เคยชอบไม่ได้อีกแล้ว และก็ยังจดจำความรู้สึกชอบนั้นได้เป็นอย่างดี

จนตอนนี้ ก็ยังจัดการไม่ถูกเมื่อเห็นมันกลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

ได้แต่มองและถอนหายใจออกมาดังๆเท่านั้น

7 กุมภาพันธ์ 2555

เพียงอาคันตุกะผู้ผ่านทาง


ฉันเดินผ่านเจียงหนาน
ใบหน้าที่รออยู่ในฤดูกาล ร่วงโรยดุจปทุมมาศ...
ลมตะวันออกไม่พัดมา กิ่งหลิวในเดือนสามไม่ลู่ลม
หัวใจของเจ้าดุจเมืองเหงาอันแสนเล็ก
ดั่งท้องถนนในยามค่ำ
เสียงฝีเท้าไม่ดังขึ้น ผ้าม่านในเดือนสามไม่เลิกเปิด
หัวใจของเจ้าคือหน้าต่างบานน้อยที่ปิดสนิท
เสียงต๋าต๋าของกีบมาฉัน คือความผิดพลาดที่แสนงดงาม
ฉันไม่ใช่คนที่กลับมา แต่เป็นเพียงอาคันตุกะผู้ผ่านทาง



บทกวีของเจิ้งโฉ่วอี๋ว์
ถูกอ้างถึงในหนังสือ วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส
เขียนโดย หลิวจงเวย แปลสำนวนไทยโดย ภัสธารีย์ ทรัพย์สัณฐิติกุล

20 มกราคม 2555

let your love bloom like a flower





                                         

wedding gift for my friends 19/01/12    "let your love bloom like a flower"

6 มกราคม 2555

My Passion


อยู่ๆก็รู้สึกกับมันอย่างมากมาย

ความบังเอิญจากการท่อง Facebook ทำให้เราได้ไปเจอรูปสีน้ำสวยๆของคนๆนึงเข้า ซึ่งพอดูไปเรื่อยๆเห็นลายเซ็นต์ ชื่อศิลปิน ก็ทำให้ประหลาดใจมาก เพราะคนคนนั้นคือเพื่อนสมัยเรียนประถม ซึ่งไม่ได้พบและไม่ได้ยินข่าวคราวกันไปนานมาก ที่จริงเราก็ไม่ได้สนิทกับเธอเท่าไหร่ เราไม่ได้คุยกันบ่อยนัก แต่เราก็จดจำเธอได้ เธอย้ายไปเรียนโรงเรียนอื่น ขณะที่ฉันก็ยังคงเรียนต่อที่โรงเรียนเดิมยาวนานถึง 12 ปี สมัยก่อนก็จำได้รางๆว่าเธอวาดรูปสวย ลายมือสวย หลังจากที่ไม่เจอกันนานมากเหมือนว่าจะเคยเจอเธอโดยบังเอิญอยู่ครั้งหนึ่ง และจำได้ว่าครั้งที่ฉันไปเรียนวาดรูปก็เคยมีเพื่อนร่วมเรียนคือน้องชายของเธอ

วันนี้พอได้เข้าไปดูภาพที่เธอวาดโดยบังเอิญ เห็นภาพที่สวยมาก แล้วก็เกิดความรู้สึกแรงกล้าที่อยากจะผลักตัวเองในเรื่องการวาดรูป งานของเธอทำให้ฉันอยากรู้ว่าตัวฉันจะสามารถทำได้ดีที่สุดออกมาเป็นอย่างไร อยู่ๆความรู้สึกหลงรัก หลงใหลในสิ่งนี้ก็ปรากฎชัดเจนมาก ตอนนี้ฉันรู้แน่ชัดว่าอย่างน้อยมี 1 สิ่งในโลกนี้ที่ฉันทำแล้วมีความสุขและอยากทำมันอย่างเต็มความสามารถ และอยากจะผลักตัวเองไปให้สุดสักครั้ง

หากมีโอกาสคงได้บอกกับเธอ ว่าสิ่งที่เธอวาดนั้นช่างเป็นแรงบันดาลใจ  
และถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้สนทนากับตัวเองอย่างจริงจังเกี่ยวกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น

ฉันจะวาดต่อไปและจะหมั่นฝึกฝนให้เก่งขึ้น :D